วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

รวมรีวิว บ้านนารีสโมสร

บ้านนารีสโมสร
Baan Na Ree Sa Mo Sorn

รีวิวที่1
ผ่านร้านกาแฟเล็กๆ บรรยากาศอบอุ่น มีเบเกอรี่โฮมเมด มีของทำมืองานประดิษฐ์กระจุกกระจิก (ZAKKA) ที่แทรกตัวอยู่อย่างสงบเสงี่ยมในชุมชนทีไร อดไม่ได้เป็นต้องคิดถึงบ้าน...คิดถึงบ้านนารีสโมสรขึ้นมาจับใจ วันนี้จึงขอเขียนถึงหน่อยนะ

สมัยเป็นเด็ก เคยคุยกันเล่นๆ ในหมู่พี่น้องว่าอีกหน่อยเราโตขึ้นแล้วมาเปิดร้านด้วยกันนะ ใครถนัดทำอะไรก็ทำอันนั้นมาขาย ความที่ครอบครัวเรามีสมาชิกหลายคน ถ้ารวมกิจการเดี่ยวๆ ของแต่ละคนเราก็สามารถเปิดเป็น "คอมเพล็กซ์" ได้เลย ตั้งชื่อเล่นๆ ประชดชีวิต (เพราะไม่คิดจะขายดี) ว่า "ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำคอมเพล็กซ์" ทำนองว่าเราทำเพื่อความสุข ไม่มุ่งผลกำไร หลายยยยยยยยปีผ่านไป ใครจะเชื่อนะว่าคำพูดเล่นๆ ของเด็กผู้หญิงหน้ากลมๆ พวกนั้นจะเป็นจริงขึ้นมาได้
พวกเราระดมสมองกันหน้าดำคร่ำเครียดจนในที่สุดลงตัวเป็นชื่อกิจการของเราว่า นารีสโมสร มันไม่ใช่คอมเพล็กซ์อย่างที่เพ้อกันไว้หรอก เอาเข้าจริงก็เป็นแค่ร้านเล็กๆ ร้านหนึ่งซึ่งเราใช้พื้นที่ชั้นล่างของบ้านนั่นเอง เราไม่มีเงินทุน จะให้ไปหาทำเลงามๆ เช่าร้านเป็นเดือนๆ ตกแต่งร้านหรูหราอลังการ แค่คิดก็ติดลบบานเบอะแล้วใช่ไหม แต่ต้นทุนที่พวกเรามีอยู่เต็มเปี่ยมคือ ฝีมือการทำอาหารของพ่อ ฝีมือการตัดเสื้อของแม่ และฝีมือเบเกอรีของพี่สาวคนโต บวกกับความรักในการทำงานฝีมือกระจุกกระจิกของพวกเรารวมๆ กัน เราเริ่มต้นกิจการเล็กๆ จากตรงนั้นเอง

วันที่ทำบุญบ้านและเริ่มกิจการ เรานิมนต์ท่าน ว.วชิรเมธี ภิกษุเพียงรูปเดียว ท่าน ว. ไม่สวดมนต์ท่องคาถาแต่เมตตาแสดงธรรมเป็นสิริมงคลแก่พวกเรา ธรรมะของท่านนั้นลึกซึ้งและงดงาม
ชอบมีคนตั้งคำถามว่า นารีสโมสรเป็นร้านอะไร ขายอะไร คำอธิบายมันยาวและคนถามหลายคนแม้ได้รับคำตอบแล้วก็ยังทำหน้างงๆ โดยเฉพาะช่วงแรกที่ร้านของเราเปิดแค่เสาร์-อาทิตย์ บางคนบอกว่าเราเปรี้ยว บางคนคิดว่าเราหยิ่ง ความจริงแล้วเราเพียงแค่พยายามทำอะไรตามกำลังเท่านั้นเอง เราทำอาหารเพียงแค่พอขาย ไม่ได้ทำเหลือเฟือ เราไม่มีเค้กให้เลือกมากมายหลายชนิดเหมือนในร้านใหญ่ๆ แต่ทุกอย่างเป็นของใหม่ และบางครั้งเราก็ทำขนมแบบที่เราอยากกิน (ขอสารภาพ) งานประดิษฐ์อย่างพวกกระเป๋า ปลอกหมอน ตุ๊กตา และอื่นๆ เราอาจทำครั้งเดียวแล้วไม่ได้ทำอีก


เป็นร้านที่ช่างไม่มีคอนเซ็ปต์เอาเสียเลยใช่ไหม อาจใช่ เราคิดเพียงแค่ว่าเราอยากแบ่งปันสิ่งที่เรามี ถ้าคุณชอบ มา มา เข้ามานั่งเล่นๆ ฟังเพลงเบาๆ กินข้าวหน้าไก่ที่พ่อเราทำ กินเค้กของพี่สาวเราสิ จิบชาอุ่นๆ แบ่งปันเรื่องกุ๊กๆ กิ๊กๆ เย็บปักถักร้อย เลือกผ้าสวยๆ ตัดเสื้อแบบที่ชอบ ฝีมือช่างของแม่เราน่ะขั้นเทพเลยเชียวนะ ทั้งหมดเนี้ยมันก็คือคอนเซ็ปต์ความเป็นโฮมเมดนั่นเอง (นึกศัพท์ภาษาไทยไม่ออก เรียกว่า แบบบ้านๆ ได้ไหม) ซึ่งเราคิดว่ามันห่างไกลจากความสำเร็จรูปมากเลย

ความจริงกิจการแบบโฮมเมดเป็นของดั้งเดิมมีมาแต่ไหนแต่ไร แต่พอเกิดปฏิวัติอุตสาหกรรม อะไรๆ กลายเป็นงานอุตสาหกรรมกันหมด ไม่เว้นแม้แต่ระดับครัวเรือน ผู้คนจับจ่ายสินค้าจากโรงงาน เดินช็อปปิ้งในห้างสรรพสินค้า กินอาหารร้านแฟรนไชส์ วิถีชีวิตสำเร็จรูปเข้ามามีอิทธิพลจนทำให้คนส่วนใหญ่เคยชิน


เราชอบความเป็น "บ้านๆ" หรือโฮมเมดเป็นชีวิตจิตใจ ไม่แน่ว่าคุณภาพของโฮมเมดจะดีกว่าหรือแย่กว่า แต่สำคัญที่ว่าเรารู้สึกมันมีชีวิตชีวากว่า เราชอบที่จะกินอาหารในร้านเล็กๆ ที่คุณลุงเจ้าของร้านทำเอง กาแฟที่คุณป้าเจ้าของบรรจงชงเองแถมยังเสิร์ฟเอง ซื้อของที่คนขายเป็นคนประดิษฐ์เอง ของที่ไม่เหมือนกันสักชิ้น บางทีบิดๆ เบี้ยวๆ ไม่สมบูรณ์กริ๊บเหมือนที่ปั๊มออกมาจากโรงงาน เราหลงใหลเสน่ห์แห่งชีวิตชีวาเหล่านี้จริงๆ เชียวและเลือกที่จะอุดหนุนร้านอิสระแบบนี้มากกว่า ราวกับกลัวว่าถ้าไม่สนับสนุนเขาแล้วเกิดร้านเจ๊งไปตัวเองจะเจ็บปวดไปด้วย


ญี่ปุ่นมีร้านแบบบ้านๆ โฮมเมด แทรกตัวซึมๆ เงียบๆ อยู่เยอะมากเลยทีเดียว หลายร้านก็ดัดแปลงจากพื้นที่ชั้นล่างของบ้าน มีโต๊ะเก้าอี้แค่ไม่กี่ตัว มีสินค้าแค่ไม่กี่ชิ้น อาจเปิดร้านแค่ไม่กี่วัน และอาจเปิดวันละแค่ไม่กี่ชั่วโมง เปรี้ยวกว่านารีสโมสรซะอีก เราคิดว่าเจ้าของร้านก็ทำตามกำลัง ทำเพื่อความสุข และไม่มุ่งหวังผลกำไรเป็นหลัก เช่นกัน



เวลาที่เจอร้านเด็ดเล็กๆ น่ารักอบอุ่นที่แสดงถึงความตั้งใจเอาใจใส่ของเจ้าของร้าน เราจะตื่นเต้นวี้ดว้ายในใจเสมอ อืม...สิ่งหนึ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่สัมผัสได้ก็คือ เวลาเจอสถานที่แบบนี้มันรู้สึกมีความสุขและเกิดแรงบันดาลใจที่จะทำโน่นทำนี่ด้วยล่ะ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่เจ้าของร้านตั้งใจทำขาย แต่มันเป็นสิ่งที่เราได้รับติดตัวกลับมาด้วยเสมอเลย ไม่ใช่ทุกที่นะที่ให้ความรู้สึกแบบนี้ได้น่ะ

อยากให้คนที่มาเยือนบ้านนารีสโมสรได้รับความสุขและแรงบันดาลใจกลับไปด้วยนะ พวกเราจะดีใจมากเลย


รีวิวที่2


คุยกับ "บ้านนารีสโมสร"
ชื่อร้านที่ใครได้ยินเป็นต้องสะดุดหู มาจากที่ครอบครัวบ้านอภิชิต มีลูกสาวทั้งหมด 5 คน บ้านหลังอบอุ่นแห่งนี้ ได้ดัดแปลงแบ่งปันพื้นที่เป็นโฮมเมดคาเฟ่เล็กๆ มีคอนเซ็ปต์ว่า Home Cafe & Dressing Room บริการอาหารอร่อยง่ายๆ ฝีมือคุณพ่อ และรับตัดเสื้อผ้าสวยๆ ใส่สบายฝีมือคุณแม่ ขนมเค้กโฮมเมดฝีมือลูกสาว รวมทั้งขายของใช้แฮนด์เมด ผลงานชิ้นเก๋ของบรรดาพี่น้องของครอบครัวนี้ด้วย

เข้าใจว่าแฟนๆ BKKMENU.com ร้อยละ 70% เป็นผู้หญิงโดยธรรมชาติ แล้วผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะชอบของสวยๆ งามๆ รวมทั้งจะมีความถนัดในการเย็บปักถักร้อยเป็นพิเศษ แต่เอ... แล้วเรื่องนี้มาเกี่ยวกับ We Recommend ยังไงกันนะ คำตอบรออยู่ด้านล่างค่ะ

ที่หมายของเราในวันนี้คือ บ้านนารีสโมสร บ้านหลังอบอุ่นของครอบครัวอภิชิต เปิดบริการเสิร์ฟเมนูอร่อยของบ้านฝีมือคุณพ่อ และรับตัดเสื้อผ้าสวยๆ ฝีมือคุณแม่ รวมทั้งขายของใช้แฮนด์เมดผลงานชิ้นเก๋ของบรรดาพี่น้อง ส่วนชื่อร้านใครได้ยินเป็นต้องอยากรู้ที่มา ถามไถ่ได้ความว่าบ้านนี้มีลูกสาวทั้งหมด 5 คนนั่นเอง

แม้เป็นหลังเล็กมีพื้นที่ไม่มากนัก แต่เหล่าพี่น้องช่วยกันออกไอเดียสร้างบรรยากาศได้อย่างน่านั่ง ทันทีเปิดประตูเดินเข้าบ้าน ก็เจอกับมุมโซฟา โทนสีเบจอมขาวตัวใหญ่กับหมอนอิงลายน่ารัก เพิ่มรายละเอียดสวยงามน่ามองกับงานโครเชท์ถักมือพาดตรงพนักพิง และมุมเก้าอี้หวายจัดเข้ากับโต๊ะเล็กดัดแปลงจากจักรเย็บผ้าเก่า คลุมผ้าลายดอกไม้สีหวาน ผ้าม่านสีขาวพิมพ์ลายผืนบาง ปล่อยให้แสงธรรมชาติด้านนอกลอดเข้ามา

อีกฝั่งมีตู้ไม้เก่าสีขาวติดบานกระจกใสโชว์สินค้าน่าใช้ ส่วนใหญ่เป็นงานฝีมืองานประดิษฐ์จากผ้า ทั้งปลอกหมอนอิงผ้าลินิน กระเป๋าผ้าพิมพ์ลาย ที่รองจาน ที่รองแก้วทำจากโครเชท์ถัก สมุดไดอารี่ปกผ้า และของกระจุกกระจิกน่ารักๆ ซึ่งล้วนใช้ฝีมือละเมียดละไมทุกชิ้น ด้านในสุดเป็นโต๊ะเก่าใช้ทำงาน และตู้เก็บผ้าลายสวยของคุณแม่ที่มีฝีมือการตัดเสื้อนานหลายสิบปี เน้นงานเรียบง่ายใส่สบาย ใช้ผ้าลินินและผ้าฝ้าย ทั้งยังมี Workshop สอนตัดเสื้อใส่เองและงานฝีมือต่างๆ แม้ไม่มีพื้นฐานก็ไม่ยากอย่างที่คิด ใกล้กันเป็น Open Kitchen และเคาน์เตอร์ขนมอบพร้อมบริการ

เมนูอร่อยของบ้านนี้เค้าเน้นเรื่องสุขภาพ สะอาด และปลอดภัยจากสารพิษ เรียกว่าทานแบบไหนก็เสิร์ฟลูกค้าแบบนั้นค่ะ ไม่ว่าจะเป็น เปาะเปี๊ยะผักสด (40 บาท) ผักออร์แกนิกห่อด้วยแผ่นแป้ง ทานกับซอสงาขาว, ก๋วยเตี๋ยวบก(50 บาท) ผักสดกรอบพร้อมเส้นก๋วยเตี๋ยวลวก โรยหน้าหมูสับกับกุ้งแห้ง ราดน้ำจิ้มรสแซ่บ ลองเมนูอิ่มท้องบ้างบะหมี่แห้งลูกช้ินเส้นปลา (60 บาท) บะหมี่ไข่เหนียวนุ่ม เส้นปลาลวกและลูกชิ้นนุ่มเด้ง โรยกระเทียมเจียวหอมๆ และจานไฮไลท์คือ ข้าวหน้าไก่ (50 บาท) สูตรโบราณดั้งเดิม รสกลมกล่อม ฝีมือคุณพ่อ หนุ่มเดียวในบ้าน

นอกจากนี้ยังมีขนมโฮมเมดของพี่สาวคนโตให้เลือกทานคู่กับกาแฟหรือชายามบ่าย แนะนำ Scone (เซ็ตละ 60 บาท) สโคนแป้งหอมนุ่ม เสิร์ฟพร้อมซอสสตรอว์เบอร์รี่หวานอมเปรี้ยว, Apple Crumble (70 บาท) แป้งบิสกิตบนเนื้อแอปเปิ้ลอบชิ้นใหญ่ ท็อปด้วยอัลมอนด์ ทานกับซอสวานิลลา สุดท้าย Cookie & Chocolate Cheese Cake(85 บาท) ช็อกโกแลตชีสเค้กรสเข้มแทรกชิ้นคุกกี้ ยังมี Banoffee Pie ที่น่าลอง แต่เสียดายหมดซะก่อน

ถือเป็นร้านเล็กแต่อบอุ่นของครอบครัวอย่างแท้จริง ด้วยความร่วมมือร่วมใจของสมาชิก ที่ช่วยกันสร้างขึ้นมาเป็นบ้านนารีสโมสร หลังนี้ พร้อมยินดีต้อนรับลูกค้าทุกท่านได้แวะเวียนมาอยู่เสมอ (อบอุ่นซะจน อยากจะไปเป็นลูกสาวคนที่ 6 ของบ้านเลยค่ะ)


หมายเหตุ : ภาพทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของเว็บไซต์ BKKMENU.com ซึ่งกรุณามาแนะนำบ้านนารีสโมสรและถ่ายรูปได้สวยมาก ขออนุญาตเอามาใช้นะคะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น